Articles

จัดฟันแล้ว… ทำไมต้องใช้ไหมขัดฟันให้ ‘ยาก’ ขึ้น?

ความเข้าใจผิดที่นำไปสู่ความเสี่ยงในทันตกรรมจัดฟัน การเข้ารับ ทันตกรรมจัดฟัน ถือเป็นการลงทุนครั้งสำคัญเพื่อปรับปรุงโครงสร้างฟันและเพิ่มความมั่นใจ อย่างไรก็ตาม คำถามที่คนไข้มักค้นหาและกังวลมากที่สุดคือ “จัดฟันแล้วทำความสะอาดยากมาก จะทำอย่างไรดี?” และ “จำเป็นต้องใช้ไหมขัดฟันจริงหรือ?” ในความเป็นจริง เครื่องมือจัดฟัน (Bracket และลวด) ได้สร้าง “จุดอับ” ที่แปรงสีฟันธรรมดาไม่สามารถเข้าถึงได้ ทำให้คราบอาหารและแบคทีเรียสะสมง่ายขึ้นถึงสองเท่า การละเลย ไหมขัดฟัน จึงกลายเป็น ความเสี่ยงอันดับ 1 ที่จะนำไปสู่ปัญหา ฟันผุ และ โรคเหงือกอักเสบ ในขณะจัดฟัน บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อแนะนำวิธีการและเครื่องมือที่ถูกต้อง เพื่อให้คุณสามารถทำความสะอาดได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้จะมีเครื่องมือจัดฟันอยู่ก็ตาม 1. เหตุผลเชิงกลไก: ทำไมการจัดฟันจึงทำให้การทำความสะอาดยากขึ้น การจัดฟันทำให้เกิดพื้นที่ใหม่ ๆ ที่เสี่ยงต่อการสะสมของแบคทีเรีย ซึ่งต้องใช้เครื่องมือพิเศษในการทำความสะอาด: 2. ผลกระทบของการละเลยไหมขัดฟัน (ความเสี่ยงที่คนไข้ต้องเจอ) การขาดวินัยในการใช้ ไหมขัดฟัน ก่อให้เกิดผลเสียที่แก้ไขยากต่อ สุขภาพช่องปาก ในระยะยาว ซึ่งเป็นสิ่งที่ ทันตแพทย์ ทุกท่านกังวล: 3. เครื่องมือและวิธีการใช้ไหมขัดฟันที่ถูกต้อง (โซลูชันจากทันตแพทย์) เนื่องจากไหมขัดฟันธรรมดาไม่สามารถรอดใต้ลวดจัดฟันได้ ทันตแพทย์ จึงแนะนำให้ใช้เครื่องมือเฉพาะทาง: 3.1. ไหมขัดฟันเฉพาะสำหรับจัดฟัน (Superfloss) 3.2. ขั้นตอนการปฏิบัติที่ถูกต้อง  การลงทุนในวินัยเพื่อรอยยิ้มที่สมบูรณ์ ความสำเร็จของ ทันตกรรมจัดฟัน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับฝีมือของ ทันตแพทย์ เพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับ วินัย ของคนไข้ 50% การใช้ ไหมขัดฟัน อย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง คือการปกป้องการลงทุนครั้งใหญ่ของคุณ และรับประกันว่าเมื่อถึงวันถอดเครื่องมือ คุณจะได้รับรอยยิ้มที่สะอาด แข็งแรง และสมบูรณ์แบบที่สุดค่ะ
โพสต์เมื่อ 16 ธันวาคม 2568

ผลกระทบจากการไม่มาพบทันตแพทย์ตามนัดปรับเครื่องมือจัดฟัน: ข้อควรรู้และแนวทางการปฏิบัติ

ความกังวลที่เป็นอุปสรรคต่อความสำเร็จของการจัดฟัน การรักษาทันตกรรมจัดฟันถือเป็นการลงทุนด้านสุขภาพช่องปากและความงามที่ต้องอาศัยความร่วมมืออย่างสูงระหว่างคนไข้กับทันตแพทย์ อย่างไรก็ตามคลินิกทำฟันพบว่าความล่าช้าหรือการไม่มาตามนัดปรับเครื่องมือเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่ออธิบายผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น พร้อมแนวทางดูแลเพื่อให้การจัดฟันของคุณดำเนินต่อได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ เราจะตอบคำถามสำคัญที่คนไข้กังวลมากที่สุดเกี่ยวกับผลที่ตามมา และแนวทางการปฏิบัติตนที่ถูกต้อง 1. สาเหตุหลักที่ทำให้คนไข้ส่วนใหญ่มักขาดนัด แม้การมาตามนัดจะเป็นหัวใจสำคัญของการจัดฟัน แต่คนไข้หลายคนอาจขาดนัดด้วยเหตุผลด้านเวลา ค่าใช้จ่าย หรือความกังวลใจ โดยสาเหตุที่พบบ่อยได้แก่: 2. ผลกระทบเชิงโครงสร้างและเวลาเมื่อไม่มาตามนัดปรับเครื่องมือ การขาดนัดไม่ได้ทำให้แค่การรักษาช้าลง แต่มีผลทั้งด้านโครงสร้างฟัน เหงือก แรงจัดฟัน และความปลอดภัย ผลกระทบเชิงลบ รายละเอียดผลกระทบ ระยะเวลาเริ่มส่งผล ระยะเวลาการรักษาที่ยืดเยื้อ แรงจัดฟันมีอายุจำกัด เช่น power chain ที่แรงลดลงชัดเจนภายใน 4-6 สัปดาห์ เมื่อแรงลดลง ฟันจะชะลอหรือหยุดการเคลื่อน ทำให้แผนการรักษาล่าช้า 6-8 สัปดาห์: แรงจัดฟันเริ่มลดลงต่ำกว่าระดับที่เหมาะสม ความเสี่ยงฟันเคลื่อนผิดทิศทาง แรงที่ค้างอยู่โดยไม่ได้รับการปรับอาจทำให้ฟันหมุนกลับ ฟันล้มเอียง หรือเกิดการสบฟันที่ไม่เหมาะสม อาจจำเป็นต้องถอยแผนการรักษากลับไปแก้ไข 2-3 เดือน: ฟันบางตำแหน่งอาจเริ่มเคลื่อนผิดมุม เกิดการหมุนกลับ (relapse) ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น การขาดนัดอาจทำให้ต้องนัดแก้ไขเพิ่ม ตรวจ X-ray ใหม่ หรือรักษาโรคเหงือกและฟันผุ 6 เดือน: อาจต้องถอยแผนการรักษาบางส่วน 3. ความเสี่ยงด้านสุขภาพช่องปากและภาวะรากฟันละลาย การไม่มาพบทันตแพทย์ตามนัดหมายส่งผลโดยตรงต่อความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงกว่าการเคลื่อนที่ผิดปกติ: 4. คำตอบสำหรับความกังวล: หมอจะดุไหม และกลับมาปรับเครื่องมือต่อได้ไหม? 4.1. ทำไมทันตแพทย์ถึงอยากให้มาตามนัด? (ไม่ใช่การดุ) 4.2. ถ้าขาดนัดไปนาน สามารถกลับมาปรับเครื่องมือต่อได้ไหม? มารักษาวินัยคือการลงทุนที่ยั่งยืนที่สุด การรักษาทันตกรรมจัดฟันคือความร่วมมือกันเพื่อเป้าหมายรอยยิ้มที่สวยงามและยั่งยืน โปรดอย่าปล่อยให้ความกังวลหรือความไม่สะดวกชั่วคราวมาทำลายการลงทุนครั้งใหญ่ของคุณ หากมีเหตุจำเป็นที่ทำให้ไม่สามารถมาตามนัดได้ การดูแลตัวเองอย่างเข้มงวด หลีกเลี่ยงอาหารที่เสี่ยงต่อเครื่องมือ และห้ามปรับเครื่องมือเอง พร้อมทั้งติดต่อคลินิกทำฟันทันทีจะช่วยลดความเสี่ยงและทำให้การรักษาเดินหน้าต่อได้อย่างราบรื่นและปลอดภัยค่ะ
โพสต์เมื่อ 15 ธันวาคม 2568

อาการปวดฟัน: สัญญาณเตือนจากร่างกายที่คุณไม่ควรมองข้าม

บทนำ: ปวดฟันคืออะไร และทำไมจึงปวด? อาการปวดฟัน (Toothache) คือความรู้สึกไม่สบายหรือความเจ็บปวดบริเวณฟันหรือรอบๆ ขากรรไกร ความปวดนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่เป็น สัญญาณเตือน ที่สำคัญที่สุดจากร่างกายว่าเกิดความเสียหายขึ้นในโครงสร้างฟันหรือเนื้อเยื่อรอบๆ แล้ว การเพิกเฉยต่อความปวดนี้อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงและค่าใช้จ่ายในการรักษาที่สูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 1. อาการปวดฟัน บ่งบอกถึงอะไรบ้าง? (การวินิจฉัยเบื้องต้น) ลักษณะของอาการปวดฟันสามารถบ่งชี้ถึงสาเหตุและความรุนแรงของปัญหาที่แตกต่างกันได้ ลักษณะอาการปวด สาเหตุที่น่าจะเป็นไปได้ ระดับความรุนแรง ปวดจี๊ดเมื่อโดนของเย็น/หวาน และหายไปเร็ว ฟันผุระยะเริ่มต้น, ฟันสึก, เหงือกร่น (เปิดเนื้อฟัน) เบื้องต้น (มักแก้ไขได้ง่าย) ปวดตุบๆ เป็นจังหวะ, ปวดตลอดเวลา ฟันผุลึกถึงโพรงประสาทฟัน, มีการอักเสบ/ติดเชื้อของประสาทฟัน ปานกลางถึงรุนแรง (ต้องการรักษารากฟัน) ปวดเมื่อกัดหรือเคี้ยวอาหาร ฟันร้าว, ฟันแตก, วัสดุอุดฟันหลุด, ฟันผุลึก, ปัญหาข้อต่อขากรรไกร ปานกลาง (ต้องหาสาเหตุที่ทำให้เกิดแรงกด) ปวดเหงือก, เหงือกบวมแดง, มีหนอง โรคเหงือกอักเสบ, โรคปริทันต์, ฝีที่ปลายรากฟัน (Abscess) รุนแรง (มีการติดเชื้อ) ปวดร้าวไปที่หู, ขมับ, หรือลำคอ ฟันคุดที่กำลังขึ้น, การติดเชื้อลุกลาม, ปัญหาข้อต่อขากรรไกร รุนแรง (ปวดร้าว – Referred Pain) ปวดฟันหลังการรักษา (เช่น อุดฟัน) การปรับการสบฟันไม่เหมาะสม, ฟันมีความไวต่อการรักษา เบื้องต้น (มักจะดีขึ้นเองใน 1-2 สัปดาห์) 2. ปวดฟันทำยังไง และนำไปสู่อะไรหากละเลย? ปวดฟันทำยังไง? (การดำเนินการที่ถูกต้อง) ปวดฟันนำไปสู่อะไรหากละเลย? การปวดฟันที่เป็นสัญญาณของการติดเชื้อหรือการอักเสบ เช่น ฟันผุลึก หากละเลย อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่อันตราย: 3. ปวดฟัน วิธีแก้ด้วยตัวเองทำยังไง (การปฐมพยาบาลเบื้องต้น) วิธีการเหล่านี้ใช้เพื่อบรรเทาอาการชั่วคราวก่อนถึงมือทันตแพทย์เท่านั้น ไม่ใช่วิธีรักษาปัญหาที่ต้นเหตุ: 4. ปวดฟันกินยาอะไรได้บ้าง? (การใช้ยาบรรเทาอาการ) ยาที่ใช้สำหรับอาการปวดฟันมักเป็นยาบรรเทาอาการปวดและลดการอักเสบ ซึ่งควรใช้ตามคำแนะนำของเภสัชกรหรือทันตแพทย์เท่านั้น 5. อาการข้างเคียงที่อันตรายของปวดฟัน หากอาการปวดฟันมาพร้อมกับสัญญาณเหล่านี้ ควรรีบไปโรงพยาบาลหรือพบทันตแพทย์ฉุกเฉินทันที เพราะอาจหมายถึงการติดเชื้อที่กำลังลุกลาม: อาการปวดฟันไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย แต่เป็นเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากฟันของคุณ การบรรเทาอาการด้วยตนเองเป็นเพียงการซื้อเวลา แต่การรักษาที่ต้นเหตุโดยทันตแพทย์เท่านั้นที่จะหยุดยั้งความเสียหายและป้องกันไม่ให้ปัญหาลุกลามไปสู่การรักษาที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากขึ้น และลดความเสี่ยงของการติดเชื้อที่เป็นอันตรายถึงชีวิต หมายเลขโทรศัพท์: 02-096-4435 LINE OA: @atudental www.atudental.co.th
โพสต์เมื่อ 22 พฤศจิกายน 2568

สุขภาพช่องปาก: รากฐานสำคัญที่มิอาจละเลยด้วย 3 หัตถการทำฟันพื้นฐาน

เหตุผลที่การทำฟันพื้นฐานคือการลงทุนที่ชาญฉลาด ทำฟัน เป็นคำที่หลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องของการ “ซ่อมแซม” เมื่อเกิดปัญหาแล้วเท่านั้น ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดที่นำมาซึ่งผลกระทบทางการเงินและสุขภาพอย่างร้ายแรง การทำฟันที่แท้จริงเริ่มต้นจากการ “ป้องกัน” และการ “ดูแลรักษา” สุขภาพช่องปากขั้นพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสุขภาพ การขูดหินปูน หรือการอุดฟันในระยะเริ่มต้น การลงทุนในหัตถการพื้นฐานเหล่านี้ คือการป้องกันไม่ให้ปัญหาเล็กๆ กลายเป็นหายนะร้ายแรงที่ต้องใช้การรักษาที่ซับซ้อน ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการทำฟัน: ผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยมักรอจนกว่าจะรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงจึงจะตัดสินใจเข้าพบทันตแพทย์ ซึ่งในเวลานั้น มักหมายถึงการผุที่ลึกถึงโพรงประสาทฟัน หรือการติดเชื้อที่ขยายวงกว้างแล้ว การประเมินตนเองว่า “ฟันยังดีอยู่” หรือ “ไม่รู้สึกเจ็บ” นำไปสู่การละเลยการตรวจสุขภาพช่องปากทุก 6 เดือน ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการดูแลป้องกัน (Preventive Dentistry) ตรงกันข้ามกับการรักษา (Restorative Dentistry) ที่มีค่าใช้จ่ายสูงกว่ามาก การละเลยหัตถการพื้นฐาน ความเสียหายที่เพิ่มขึ้น หัตถการที่มีค่าใช้จ่ายสูงกว่า (ต้องเสียเงินมากขึ้น) ไม่ขูดหินปูน โรคปริทันต์อักเสบรุนแรง การเกลารากฟัน, ศัลยกรรมเหงือก, การปลูกกระดูก ไม่อุดฟันผุระยะเริ่มต้น ฟันผุลึกถึงโพรงประสาทฟัน การรักษารากฟัน, การทำครอบฟัน ปล่อยให้ฟันเสียหายหนัก ไม่สามารถบูรณะได้, ต้องถอน การทำรากฟันเทียม, การใส่สะพานฟัน ส่วนที่ 2: หัตถการทำฟันที่ 1: การขูดหินปูน (Dental Scaling) – รากฐานของการมีเหงือกที่แข็งแรง 2.1 ทำความเข้าใจโรคปริทันต์: สาเหตุและความรุนแรง การทำฟัน เพื่อรักษารากฐานของฟันให้มั่นคง เริ่มต้นที่การดูแลเหงือกและอวัยวะรอบฟัน คราบจุลินทรีย์ (Plaque) คือฟิล์มเหนียวที่ประกอบด้วยแบคทีเรีย ซึ่งหากไม่ได้รับการทำความสะอาดอย่างทั่วถึง จะเกิดการสะสมและแข็งตัวเป็น หินปูน (Calculus) หินปูนนี้ไม่เพียงแต่ทำให้เกิดกลิ่นปากและสีฟันที่ไม่สวยงาม แต่ยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์แบคทีเรียที่รุนแรง ซึ่งทำลายเนื้อเยื่อเหงือกและกระดูกรอบๆ ฟัน โรคเหงือกอักเสบ (Gingivitis) เป็นขั้นแรกของโรคปริทันต์ อาการคือเหงือกบวมแดงและมีเลือดออกง่าย สามารถรักษาให้หายได้ด้วยการขูดหินปูนและการแปรงฟันที่ถูกวิธี แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้ จะพัฒนาไปสู่ โรคปริทันต์อักเสบ (Periodontitis) ซึ่งจะนำไปสู่การสูญเสียกระดูกรองรับฟันทำให้เกิดร่องลึกปริทันต์ (Periodontal Pocket) ฟันโยก และท้ายที่สุดคือการสูญเสียฟัน 2.2 ขั้นตอนการทำฟัน: การขูดหินปูนอย่างละเอียด การขูดหินปูนถือเป็นหัตถการ ทำฟัน พื้นฐานที่สำคัญที่สุดในเชิงป้องกัน ทันตแพทย์จะใช้ทั้งเครื่องมือ อัลตราโซนิก (Ultrasonic Scaler) ที่ใช้คลื่นความถี่สูงในการสั่นสะเทือนและทำลายโครงสร้างหินปูนออกจากผิวฟัน และเครื่องมือทางทันตกรรม (Hand Instrument) สำหรับการเก็บรายละเอียดบริเวณที่ยากต่อการเข้าถึง โดยเฉพาะในร่องเหงือก กระบวนการทำฟันขูดหินปูน: 2.3 ผลลัพธ์ของการละเลยการขูดหินปูน การละเลยหัตถการพื้นฐานนี้ไม่เพียงแต่ทำให้เกิดโรคปริทันต์เท่านั้น แต่ยังนำไปสู่หัตถการ ทำฟัน ที่รุนแรงกว่า เช่น การเกลารากฟัน (Root Planning) ซึ่งเป็นการขจัดหินปูนและผิวรากฟันที่เสียหายอย่างละเอียดลึกถึงรากฟัน และอาจต้องใช้ยาชาเฉพาะที่ และมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการขูดหินปูนปกติหลายเท่าตัว หากการเกลารากฟันไม่สามารถควบคุมโรคได้ อาจต้องเข้าสู่การ ผ่าตัดเหงือก (Flap Surgery) เพื่อทำความสะอาดกระดูกที่ถูกทำลาย ซึ่งเป็นการรักษาที่มีความซับซ้อนสูง และอาจต้องมีการปลูกกระดูกร่วมด้วย ยิ่งไปกว่านั้น โรคปริทันต์ยังเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของโรคระบบอื่นๆ เช่น โรคเบาหวานที่ควบคุมได้ยากขึ้น และความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด ส่วนที่ 3: หัตถการทำฟันที่ 2: การอุดฟัน (Dental Filling) – การหยุดยั้งการทำลายในระยะเริ่มต้น 3.1 กลไกการเกิดฟันผุและระดับความรุนแรง การทำฟัน เพื่อบูรณะฟันให้กลับมาใช้งานได้ ต้องเริ่มต้นจากการทำความเข้าใจการผุของฟัน ฟันผุ (Dental Caries) เกิดจากแบคทีเรียในช่องปากย่อยสลายน้ำตาลและผลิตกรดออกมา กรดนี้จะทำลายโครงสร้างแข็งของฟัน ซึ่งสามารถแบ่งความรุนแรงได้เป็นระดับ: 3.2 ขั้นตอนการทำฟัน: การอุดฟันอย่างพิถีพิถัน การอุดฟันเป็นหัตถการ ทำฟัน เพื่อฟื้นฟูฟันที่เสียหายให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติ กระบวนการนี้ต้องทำอย่างพิถีพิถันเพื่อป้องกันการผุซ้ำ: 3.3 การเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายและการรักษาทางเลือก การทำฟัน ด้วยการอุดฟันในระยะเริ่มต้นถือว่าคุ้มค่าที่สุด เมื่อเทียบกับทางเลือกที่ต้องทำเมื่อมีการละเลย: ส่วนที่ 4: หัตถการทำฟันที่ 3: การถอนฟัน (Dental Extraction) – ทางเลือกสุดท้ายที่พึงหลีกเลี่ยง 4.1 เหตุผลและข้อบ่งชี้ในการถอนฟัน การถอนฟันเป็นหัตถการทำฟันที่ถือเป็นทางเลือกสุดท้ายในทางทันตกรรม เนื่องจากความสำคัญของฟันแต่ละซี่ในระบบการบดเคี้ยว ข้อบ่งชี้หลักในการถอนฟันมักเกิดขึ้นจาก: 4.2 ผลกระทบของการสูญเสียฟัน เมื่อมีการสูญเสียฟันโดยไม่มีการทดแทน จะส่งผลกระทบที่ซับซ้อนต่อระบบช่องปากทั้งหมด: 4.3 ทางเลือกทดแทนฟันที่สูญเสียไป (ทำฟันที่มีค่าใช้จ่ายสูง) หากมีการถอนฟัน ผู้ป่วยจะต้องพิจารณาการทำฟันเพื่อทดแทนฟันที่สูญเสียไป เพื่อรักษาสุขภาพช่องปากโดยรวม ซึ่งหัตถการทดแทนเหล่านี้ล้วนมีค่าใช้จ่ายสูงและซับซ้อนกว่าการอุดฟันหรือขูดหินปูนมาก: การกลับมาดูแลสุขภาพช่องปากคือคำตอบ สาระสำคัญของบทความนี้คือ การเน้นย้ำว่า การทำฟันเพื่อป้องกันเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดและประหยัดที่สุดในการรักษาสุขภาพช่องปากจะดีกว่าไหม ถ้าวันนี้เราจะเริ่มกลับมาดูแลสุขภาพช่องปากของตัวเองมากขึ้น ด้วยการหมั่นพบทันตแพทย์ทุกๆ
โพสต์เมื่อ 22 พฤศจิกายน 2568

อัตราค่าบริการและราคาหัตถการทำฟันที่ AT U DENTAL และ NATTIST DENTAL CLINIC 

ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารไหลบ่าดุจกระแสน้ำเชี่ยวการเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้อง แม่นยำ และครบถ้วนเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งยวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อข้อมูลเหล่านั้นเกี่ยวข้องกับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของเราหนึ่งในความกังวลหลักที่ฝังลึกอยู่ในใจของหลายๆ คน เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการเข้ารับการรักษาทางทันตกรรม คือประเด็นเรื่องของ ราคาทำฟัน และ ค่าใช้จ่ายทำฟัน ที่มักจะดูเป็นเรื่องซับซ้อน ไม่ชัดเจน และคาดเดาได้ยากยิ่งความไม่แน่นอนเหล่านี้เองที่มักจะสร้างกำแพงทางจิตใจทำให้หลายคนลังเลที่จะไปพบทันตแพทย์แม้จะทราบดีถึงความสำคัญอันใหญ่หลวงของการมีสุขภาพช่องปากที่ดีและแข็งแรงก็ตาม AT U DENTAL CLINIC และ NATTIST DENTAL CLINIC ตระหนักดีถึงข้อกังวลและความไม่สบายใจเหล่านี้ เราจึงถือกำเนิดขึ้นด้วยปณิธานอันแน่วแน่ที่จะนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับ อัตราค่าบริการทำฟัน และ หัตถการทำฟัน ที่หลากหลายอย่างโปร่งใส ตรงไปตรงมา และเข้าใจง่ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อเป็นแสงนำทางให้คุณสามารถวางแผนการรักษาทางทันตกรรมได้อย่างมั่นใจ ปราศจากความกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายทำฟันอีกต่อไป บทความนี้จึงถูกรังสรรค์ขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่เป็นคู่มือฉบับสมบูรณ์ ที่จะพาคุณไปสำรวจทุกซอกมุมของราคาทำฟันในแต่ละประเภทของหัตถการทำฟันพร้อมทั้งอธิบายปัจจัยและตัวแปรต่างๆ ที่ส่งผลต่อค่าใช้จ่ายทำฟันอย่างละเอียด เพื่อให้คุณมีความรู้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ครบถ้วน และสามารถตัดสินใจเลือกการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณและคนที่คุณรักได้อย่างชาญฉลาด เพื่อให้ได้มาซึ่ง “ความมั่นใจที่ไร้ขีดจำกัด” ที่จะเปล่งประกายออกมาจากสุขภาพช่องปากที่สมบูรณ์และรอยยิ้มที่สดใสอย่างแท้จริง ไขปริศนา: ทำไม “ราคาทำฟัน” จึงมีความหลากหลาย? เจาะลึกปัจจัยที่กำหนด “ค่าใช้จ่ายทำฟัน” ก่อนที่เราจะดำดิ่งลงไปในรายละเอียดปลีกย่อยของอัตราค่าบริการทำฟันของแต่ละหัตถการทำฟันที่นำเสนอโดย AT U DENTAL CLINIC และ NATTIST DENTAL CLINIC สิ่งสำคัญเบื้องต้นคือการทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าเหตุใดราคาทำฟันจึงมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญในแต่ละเคสผู้ป่วย และในแต่ละคลินิกทันตกรรม หรือโรงพยาบาล ซึ่งการทำความเข้าใจปัจจัยพื้นฐานเหล่านี้จะช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมของค่าใช้จ่ายทำฟันได้อย่างชัดเจน มีเหตุผล และสามารถตัดสินใจได้อย่างรอบคอบและชาญฉลาดมากขึ้น เมื่อคุณผู้อ่านมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในปัจจัยต่างๆ เหล่านี้แล้ว คุณจะสามารถพิจารณาข้อมูลอัตราค่าบริการทำฟันที่จะนำเสนอต่อไปได้อย่างมีเหตุผลมากขึ้น ไม่เพียงแต่ดูที่ตัวเลขเท่านั้น แต่ยังเข้าใจถึงคุณค่าและคุณภาพที่มาพร้อมกับค่าใช้จ่ายทำฟันแต่ละรายการ อัตราค่าบริการทำฟันที่ AT U DENTAL CLINIC และ NATTIST DENTAL CLINIC: รายละเอียดหัตถการและราคาที่โปร่งใส ต่อไปนี้คือรายละเอียดอัตราค่าบริการทำฟันสำหรับหัตถการทำฟันประเภทต่างๆ ที่ให้บริการ ณ AT U DENTAL CLINIC และ NATTIST DENTAL CLINIC โดยได้รวบรวมข้อมูลจากภาพที่คุณให้มา และจัดแบ่งตามหมวดหมู่หลัก เพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจ เปรียบเทียบ และวางแผนการรักษาของคุณ ทันตกรรมทั่วไป (General Dentistry): รากฐานของสุขภาพช่องปากที่ดี ทันตกรรมทั่วไปถือเป็นด่านแรกและเป็นบริการพื้นฐานที่ทุกคนควรได้รับอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรักษาสุขภาพช่องปากให้แข็งแรง ป้องกันการเกิดปัญหาทางทันตกรรมที่ซับซ้อนในอนาคต และเป็นก้าวแรกสู่ “ความมั่นใจที่ไร้ขีดจำกัด” ในทุกๆ วันหัตถการทำฟันในกลุ่มนี้เป็นบริการที่ได้รับความนิยมสูงสุด และเป็นจุดเริ่มต้นของการดูแลสุขภาพช่องปากที่ดีและยั่งยืน การถอนฟัน (Tooth Extraction): ทางเลือกสุดท้ายเพื่อสุขภาพที่ดี การถอนฟัน เป็นหัตถการทำฟันที่ทันตแพทย์จะพิจารณาเป็นทางเลือกสุดท้ายเมื่อฟันซี่นั้นๆ ไม่สามารถเก็บรักษาไว้ได้ด้วยวิธีการอื่นใดอีกแล้ว เช่น ฟันผุอย่างรุนแรงจนทำลายโครงสร้างฟันไปมาก ฟันแตกหักไม่สามารถบูรณะได้ หรือปัญหาฟันคุดการพิจารณาค่าใช้จ่ายทำฟันในส่วนนี้จะขึ้นอยู่กับความซับซ้อนและตำแหน่งของฟันแต่ละเคส ครอบฟัน (Dental Crowns): บูรณะฟันให้แข็งแรงและสวยงาม ครอบฟัน เป็น หัตถการทำฟัน ที่ช่วยบูรณะฟันที่เสียหายอย่างรุนแรงให้กลับมามีรูปร่าง ขนาด ความแข็งแรง และความสวยงามดังเดิม เป็นการเพิ่มความคงทนและอายุการใช้งานของฟันซี่นั้นๆที่อาจแตกหักผุขนาดใหญ่หรือผ่านการรักษารากฟันมาแล้วค่าใช้จ่ายทำฟันสำหรับครอบฟันจะขึ้นอยู่กับชนิดของวัสดุที่ใช้ ซึ่งมีผลต่อความแข็งแรงและความสวยงาม การรักษารากฟัน (Root Canal Treatment): เก็บรักษาฟันธรรมชาติให้คงอยู่ การรักษารากฟัน เป็นหัตถการทำฟันที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง มีจุดประสงค์สำคัญเพื่อรักษาฟันที่ติดเชื้อ อักเสบ หรือตายไปแล้วภายในโพรงประสาทฟัน ให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติ โดยไม่จำเป็นต้องถอนฟันทิ้งการรักษารากฟันช่วยลดการแพร่กระจายเชื้อไปยังฟันซี่อื่น และคงฟันธรรมชาติไว้ซึ่งดีที่สุดค่าใช้จ่ายฟัน ในส่วนนี้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของฟันและความซับซ้อนของโครงสร้างรากฟัน ทันตกรรมโรคเหงือกปริทันต์ (Periodontal Dentistry): ดูแลสุขภาพเหงือกเพื่อฟันที่แข็งแรง ทันตกรรมโรคเหงือกปริทันต์ เป็นหัตถการทำฟันที่มุ่งเน้นการวินิจฉัย การป้องกันและการรักษาโรคเหงือกและอวัยวะรอบรากฟัน เพื่อป้องกันการสูญเสียฟันจากปัญหาเหงือกอักเสบและโรคปริทันต์ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการสูญเสียฟันในผู้ใหญ่ การดูแลเหงือกให้แข็งแรงจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม วีเนียร์ (Dental Veneers): รังสรรค์รอยยิ้มใหม่เพื่อ “ความมั่นใจที่ไร้ขีดจำกัด” วีเนียร์ เป็นทันตกรรมเพื่อความงามที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพื่อปรับปรุงรูปร่าง ขนาด สี และตำแหน่งของฟันให้สวยงามตามต้องการ โดยเฉพาะฟันหน้าที่มีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นฟันที่มีรูปร่างไม่สวยงาม สีฟันไม่สม่ำเสมอ ฟันบิ่น หรือมีช่องว่างระหว่างฟัน เป็นการลงทุนเพื่อสร้างรอยยิ้มใหม่ที่เปล่งประกายด้วย “ความมั่นใจที่ไร้ขีดจำกัด” ฟันปลอมถอดได้ (Removable Dentures): คืนรอยยิ้มและการบดเคี้ยว ฟันปลอมถอดได้ เป็นทางเลือกที่มีมาอย่างยาวนานและยังคงได้รับความนิยมสำหรับผู้ที่สูญเสียฟันไปหลายซี่หรือไม่ต้องการวิธีการทดแทนฟันแบบถาวร เช่น รากฟันเทียม เป็นการคืนความสามารถในการบดเคี้ยวอาหาร การออกเสียงให้ชัดเจน และเสริมความสวยงามของรอยยิ้มและโครงสร้างใบหน้า รากฟันเทียม (Dental Implants): นวัตกรรมคืนฟันธรรมชาติ เพื่อ “ความมั่นใจที่ไร้ขีดจำกัด” ระยะยาว รากฟันเทียม เป็นนวัตกรรมที่ทันสมัยที่สุดในการทดแทนฟันที่สูญเสียไป ให้ความรู้สึกเหมือนฟันธรรมชาติมากที่สุด ทั้งด้านความแข็งแรง การใช้งาน และความสวยงาม ไม่เพียงแต่ช่วยคืนการบดเคี้ยวและรอยยิ้ม แต่ยังช่วยรักษากระดูกขากรรไกรไม่ให้ละลายตัว การลงทุนใน รากฟันเทียม คือการลงทุนเพื่อ “ความมั่นใจที่ไร้ขีดจำกัด”
โพสต์เมื่อ 23 กันยายน 2568

ใช้สิทธิประกันสังคมทำฟัน 900 บาทอย่างไรให้คุ้มค่าที่สุด? “ผู้ประกันตนมีสิทธิทำฟันอะไรบ้าง? บทความนี้สรุปทุกเรื่องต้องรู้เกี่ยวกับสิทธิทำฟัน 900 บาท/ปีของประกันสังคมที่ AT U DENTAL CLINIC ตั้งแต่การขูดหินปูน อุดฟัน ถอนฟัน ไปจนถึงการเบิกค่าใช้จ่ายอย่างละเอียด เพื่อให้คุณใช้สิทธิได้อย่างคุ้มค่า ไม่ต้องสำรองจ่าย” สำหรับผู้ประกันตนทุกคนตามมาตรา 33 และ 39 สิทธิประโยชน์ด้านทันตกรรมคือหนึ่งในสวัสดิการที่สำคัญที่ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพช่องปาก โดยสิทธิหลักที่หลายคนทราบกันดีคือสิทธิทำฟันประกันสังคมวงเงินไม่เกิน 900 บาทต่อปี แต่หลายคนอาจยังมีข้อสงสัยว่าสิทธินี้ครอบคลุมอะไรบ้าง และควรใช้สิทธิ์อย่างไรให้ถูกต้องและคุ้มค่าที่สุด สิทธิประโยชน์ทำฟัน 900 บาท/ปี ครอบคลุมอะไรบ้าง? สำนักงานประกันสังคมได้กำหนดให้สิทธิประโยชน์ 900 บาทต่อปี ครอบคลุมการรักษาทางทันตกรรมขั้นพื้นฐาน 4 ประเภทหลัก ดังนี้: ผู้ประกันตนสามารถใช้สิทธิ์เหล่านี้ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งตลอดปี แต่ค่าใช้จ่ายรวมต้องไม่เกิน 900 บาท ไม่ต้องสำรองจ่าย ที่ AT U DENTAL CLINIC ในปัจจุบัน ผู้ประกันตนสามารถเข้ารับบริการทำฟันได้ที่คลินิกและโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการกับสำนักงานประกันสังคม ที่ AT U DENTAL CLINIC ผู้ประกันตนสามารถใช้สิทธิ์โดยไม่ต้องสำรองจ่าย นั่นหมายความว่าหากค่าใช้จ่ายในการรักษาไม่เกิน 900 บาท คุณจะไม่ต้องจ่ายเงินเลย แต่หากค่าใช้จ่ายเกินวงเงิน เช่น ขูดหินปูนราคา 1,200 บาท คุณก็แค่จ่ายส่วนต่าง 300 บาทให้แก่คลินิกเท่านั้น ขั้นตอนการใช้สิทธิ์ง่ายๆ ที่คลินิกของเรา: ฟันปลอมก็ใช้สิทธิ์ได้นะ แต่มีเงื่อนไขเพิ่มเติม นอกเหนือจากสิทธิ 900 บาทแล้ว ประกันสังคมยังมีสิทธิ์เบิกค่าทำฟันปลอมชนิดถอดได้ซึ่งมีวงเงินและเงื่อนไขที่แตกต่างกันดังนี้: ข้อควรรู้: สิทธิ์ทำฟันปลอมจะเบิกได้ทุกๆ 5 ปี และผู้ประกันตนจะต้องสำรองจ่ายไปก่อน แล้วจึงนำเอกสารไปยื่นเบิกเงินคืนที่สำนักงานประกันสังคมในภายหลัง สิทธิ์ที่ยังไม่ครอบคลุม เป็นเรื่องที่ควรรู้ว่ามีหลายการรักษาที่ยังไม่ครอบคลุมในสิทธิประกันสังคม 900 บาท ได้แก่: การทำความเข้าใจสิทธิประโยชน์เหล่านี้อย่างถี่ถ้วนจะช่วยให้คุณสามารถวางแผนการดูแลสุขภาพช่องปากได้อย่างมีประสิทธิภาพ และใช้สิทธิที่ได้รับอย่างคุ้มค่าที่สุดที่ AT U DENTAL CLINIC ซึ่งพร้อมให้บริการด้วยทีมทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเครื่องมือที่ทันสมัย คลินิกในเครือที่รองรับสิทธิประกันสังคม คุณสามารถเข้ารับบริการทำฟันโดยใช้สิทธิประกันสังคมที่ AT U DENTAL CLINIC ได้ทั้ง 4 สาขาที่ร่วมโครงการ ดังนี้: เพื่อความสะดวกในการเดินทาง คุณสามารถเลือกไปใช้บริการที่สาขาใกล้บ้านหรือที่ทำงานได้เลยค่ะ
โพสต์เมื่อ 20 สิงหาคม 2568

สุขภาพเหงือก: รากฐานที่ถูกละเลย ทำไมการดูแลจึงสำคัญ? สาเหตุ วิธีรักษา และการป้องกันเชิงลึก

ทำไมการดูแลจึงสำคัญ? สาเหตุ วิธีรักษา และการป้องกันเชิงลึก “เจาะลึกทุกแง่มุมของสุขภาพเหงือก: ทำไมการดูแลเหงือกจึงสำคัญกว่าที่คิด? บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจสาเหตุของโรคเหงือก อาการที่ควรระวัง และแนวทางการรักษาอย่างละเอียด ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นจนถึงขั้นรุนแรง พร้อมแนะนำวิธีป้องกันที่ถูกหลักทันตกรรม เพื่อสร้างรอยยิ้มที่แข็งแรงและยั่งยืน” ในโลกของการดูแลสุขภาพช่องปาก หลายคนมักจะให้ความสำคัญกับฟันเป็นอันดับแรก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความขาวสะอาด ความสวยงาม หรือการจัดเรียง แต่สิ่งหนึ่งที่มักถูกมองข้ามไปอย่างน่าเสียดาย คือ “เหงือก” ซึ่งเปรียบเสมือนรากฐานที่คอยยึดฟันให้อยู่ได้อย่างมั่นคง หากปราศจากรากฐานที่แข็งแรงแล้ว ฟันที่ดูสวยงามภายนอกก็ไม่สามารถอยู่ได้อย่างยั่งยืน โรคเหงือกจึงนับเป็นภัยเงียบที่ร้ายกาจ เพราะมันสามารถทำลายเนื้อเยื่อและกระดูกที่รองรับฟันได้อย่างเงียบๆ ในระยะเริ่มต้นโดยไม่แสดงอาการเจ็บปวด จนเมื่อรู้ตัวอีกทีก็อาจสายเกินไป บทความนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นคู่มือที่ครอบคลุมทุกแง่มุมของสุขภาพเหงือก เพื่อให้คุณเข้าใจและหันมาให้ความสำคัญกับ “รากฐาน” ของรอยยิ้มอย่างแท้จริง ทำไมการดูแลสุขภาพเหงือกจึงสำคัญกว่าที่คุณคิด? การมีสุขภาพเหงือกที่ดีนั้นมีผลกระทบที่กว้างขวางกว่าแค่ความสวยงาม แต่ยังเชื่อมโยงกับสุขภาพโดยรวมของเราอย่างแยกไม่ออก 1. ป้องกันฟันโยกและฟันหลุด: ความเสียหายที่ถอยหลังไม่ได้ หน้าที่หลักของเหงือกคือการทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันและยึดฟันให้ติดอยู่กับกระดูกขากรรไกรอย่างมั่นคง เมื่อคราบแบคทีเรียและหินปูนสะสมตัวอยู่ใต้ขอบเหงือกเป็นเวลานาน จะทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง (Chronic Inflammation) ซึ่งกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเข้าทำลายเนื้อเยื่อเหงือกและกระดูกที่รองรับฟัน ผลลัพธ์ที่ตามมาคือ “เหงือกร่น” (Gum Recession) และ “กระดูกละลาย” (Bone Loss) เมื่อกระดูกรองรับฟันลดน้อยลง ฟันก็จะขาดการยึดเกาะที่แข็งแรง และเริ่มมีอาการโยก ซึ่งในที่สุดก็จะนำไปสู่การสูญเสียฟันอย่างถาวรในที่สุด ซึ่งเป็นความเสียหายที่รักษาได้ยากและมีค่าใช้จ่ายสูงมาก 2. ป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพโดยรวม: เหงือกคือดัชนีชี้วัดสุขภาพทั้งร่างกาย วิทยาศาสตร์การแพทย์สมัยใหม่ได้ค้นพบความเชื่อมโยงที่น่าตกใจระหว่างโรคเหงือกกับโรคเรื้อรังอื่นๆ ที่ดูเหมือนไม่เกี่ยวข้อง ดังนี้: 3. ลดโอกาสการติดเชื้อ: สร้างเกราะป้องกันให้ร่างกาย เหงือกที่อักเสบคือประตูเปิดให้แบคทีเรียจากช่องปากเข้าสู่กระแสเลือดได้ง่ายขึ้น ภาวะนี้เรียกว่า “Bacteremia” ซึ่งหากปล่อยไว้ อาจทำให้เกิดการติดเชื้อในอวัยวะสำคัญต่างๆ ได้ การรักษาให้เหงือกแข็งแรงจึงเปรียบเสมือนการสร้างเกราะป้องกันด่านแรกที่สำคัญให้กับร่างกาย 4. เพื่อความมั่นใจในรอยยิ้ม: สุขภาพกายและใจที่สมบูรณ์ นอกจากผลกระทบทางกายภาพแล้ว สุขภาพเหงือกยังส่งผลต่อสุขภาพจิตและภาพลักษณ์ภายนอกโดยตรง ปัญหาต่างๆ เช่น เหงือกบวมแดง มีเลือดออกง่าย หรือมีกลิ่นปากเรื้อรัง สามารถทำลายความมั่นใจในการยิ้มและพูดคุยกับผู้อื่นได้อย่างสิ้นเชิง ในทางกลับกัน เมื่อเหงือกแข็งแรง สุขภาพดี เราก็จะกล้ายิ้มอย่างเต็มที่ ซึ่งส่งผลดีต่อบุคลิกภาพและความสัมพันธ์ในสังคม สาเหตุหลักของโรคเหงือก สาเหตุของโรคเหงือกนั้นเริ่มต้นจากสิ่งเดียวกัน นั่นคือการสะสมของ “คราบจุลินทรีย์” (Plaque) และเมื่อปล่อยทิ้งไว้ก็จะกลายเป็น “หินปูน” (Calculus) ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่ควรระวัง: อาการของโรคเหงือกที่ควรสังเกตอย่างละเอียด โรคเหงือกแบ่งออกเป็น 2 ระยะหลัก ซึ่งอาการจะแตกต่างกันไปตามความรุนแรง 1. โรคเหงือกอักเสบ (Gingivitis): ระยะเริ่มต้นและยังสามารถรักษาให้หายได้ หากได้รับการรักษาอย่างถูกต้องในระยะนี้ อาการสามารถหายเป็นปกติได้ และเหงือกจะกลับมามีสุขภาพดีดังเดิม 2. โรคปริทันต์อักเสบ (Periodontitis): ระยะรุนแรงที่ส่งผลถาวร เมื่อโรคเหงือกอักเสบลุกลามโดยไม่ได้รับการรักษา จะกลายเป็นโรคปริทันต์อักเสบ ซึ่งจะเริ่มทำลายกระดูกและเนื้อเยื่อที่รองรับฟันอย่างถาวร โรคนี้แบ่งได้เป็น 3 ระดับ: อาการอื่นๆ ที่อาจพบในโรคปริทันต์อักเสบ: หากคุณมีอาการเหล่านี้ ควรรีบไปพบทันตแพทย์ทันทีเพื่อรับการวินิจฉัยและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม วิธีรักษาและป้องกันโรคเหงือกอย่างละเอียด การรักษาโรคเหงือกโดยทันตแพทย์: การป้องกันที่ดีที่สุดคือการดูแลตัวเองทุกวัน: ถาม-ตอบ: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโรคเหงือก เหงือกแข็งแรง นำมาซึ่งฟันและสุขภาพที่แข็งแรง การลงทุนในสุขภาพเหงือกคือการลงทุนที่ชาญฉลาดที่สุดเพื่อรักษาสุขภาพช่องปากและสุขภาพโดยรวมของคุณในระยะยาว อย่าปล่อยให้ปัญหาเล็กๆ อย่างเหงือกบวมแดงกลายเป็นต้นเหตุของปัญหาที่ซับซ้อนและรุนแรงในอนาคต สำหรับองค์กรที่ต้องการส่งเสริมสุขภาพพนักงานอย่างแท้จริง AT U DENTAL BUS พร้อมที่จะเป็นพันธมิตรในการนำบริการทันตกรรมครบวงจรไปให้บริการถึงที่ทำงานของคุณ เพื่อให้พนักงานสามารถเข้าถึงการดูแลสุขภาพเหงือกและฟันได้อย่างสะดวกสบายและไม่ต้องเสียเวลาลางานอีกต่อไป เพราะการป้องกันคือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด สนใจปรึกษาหรือวางแผนบริการสำหรับองค์กรของคุณได้เลย
โพสต์เมื่อ 18 สิงหาคม 2568

ทำความเข้าใจ C20: น้ำยาฆ่าเชื้อในช่องปากที่ ‘ไม่ใช่’ น้ำยาบ้วนปากทั่วไป

เมื่อคุณหมอจ่ายน้ำยา C20 ให้…ทำไมถึงต้องใช้? หลายครั้งที่เข้ารับบริการทันตกรรม ไม่ว่าจะเป็นหลังการผ่าฟันคุด การขูดหินปูนครั้งใหญ่ หรือมีอาการเหงือกอักเสบ ทันตแพทย์มักจะแนะนำให้ใช้น้ำยาบ้วนปากชนิดพิเศษที่ชื่อว่า “C20” หรือน้ำยาที่มีส่วนผสมของ Chlorhexidine (คลอร์เฮกซิดีน) หลายคนอาจเข้าใจผิดว่านี่คือน้ำยาบ้วนปากสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน แต่ความจริงแล้ว C20 มีคุณสมบัติและวัตถุประสงค์ที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง บทความนี้จะช่วยไขข้อสงสัยว่า C20 คืออะไร และทำไมคุณหมอถึงต้องจ่ายยานี้ให้ C20 คืออะไร? และแตกต่างจากน้ำยาบ้วนปากทั่วไปอย่างไร? C20 เป็นชื่อทางการค้าของน้ำยาในช่องปากที่มีสารสำคัญคือ Chlorhexidine Gluconate (คลอร์เฮกซิดีน กลูโคเนต) ที่ความเข้มข้น 0.20% สารชนิดนี้มีฤทธิ์เป็น “ยาฆ่าเชื้อ” ในวงกว้าง (Broad-Spectrum Antiseptic) ที่สามารถกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคในช่องปากได้เป็นอย่างดี ความแตกต่างที่สำคัญคือ: ทำไมคุณหมอถึงต้องจ่ายน้ำยา C20 ให้? ทันตแพทย์จะจ่ายน้ำยา C20 ให้ในกรณีที่ต้องการควบคุมหรือลดจำนวนเชื้อแบคทีเรียในช่องปากอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เช่น: ข้อควรระวังในการใช้น้ำยา C20: แม้จะเป็นยาที่มีประโยชน์ แต่การใช้ C20 ควรเป็นไปตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด เพราะหากใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานานเกินไป อาจเกิดผลข้างเคียงได้ เช่น: น้ำยา C20 ไม่ใช่น้ำยาบ้วนปากสำหรับใช้ทุกวัน แต่เป็นยาฆ่าเชื้อที่มีฤทธิ์แรง ควรใช้ในกรณีที่มีความจำเป็นและภายใต้คำแนะนำของทันตแพทย์เท่านั้น การเข้าใจในคุณสมบัติที่แท้จริงและใช้อย่างถูกวิธีจะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดจากการรักษา และช่วยให้สุขภาพช่องปากกลับมาแข็งแรงได้เร็วขึ้นโดยไม่มีผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ โปรโมชั่นพิเศษจาก AT U DENTAL หากคุณกำลังมองหาการดูแลสุขภาพช่องปากอย่างครบวงจรและมีประสิทธิภาพ ที่ AT U DENTAL เรามีโปรโมชั่นสุดคุ้มที่มาพร้อมกับน้ำยาฆ่าเชื้อคุณภาพดี เพื่อให้คุณดูแลสุขภาพฟันได้อย่างสมบูรณ์แบบ 🦷 โปร 1,299 บาท: ขูดหินปูน + เคลือบฟลูออไรด์ 🦷 มาเริ่มต้นการดูแลสุขภาพช่องปากที่ยอดเยี่ยมและคุ้มค่าไปพร้อมกับเราได้แล้ววันนี้!
โพสต์เมื่อ 10 สิงหาคม 2568

จัดฟันราคาเท่าไหร่? พร้อมขั้นตอนและประเภทการจัดฟันที่ AT U DENTAL

การมีรอยยิ้มที่สวยงามและสุขภาพช่องปากที่ดีเป็นสิ่งที่ใครหลายคนปรารถนา และ “การจัดฟัน” ก็เป็นหนึ่งในทางเลือกยอดนิยมที่ช่วยแก้ไขปัญหาฟันไม่เป็นระเบียบ ฟันยื่น หรือปัญหาการสบฟันได้ การจัดฟันไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของความสวยงามเท่านั้น แต่ยังช่วยให้การทำความสะอาดฟันมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดโอกาสในการเกิดฟันผุและโรคเหงือกในระยะยาว อย่างไรก็ตาม การจัดฟันเป็นการตัดสินใจที่ต้องใช้เวลาและงบประมาณ การทำความเข้าใจข้อมูลต่างๆ อย่างรอบด้านจึงเป็นสิ่งสำคัญ บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดฟันในแง่มุมต่างๆ ทั้งประเภทของเครื่องมือ, ขั้นตอนการรักษา, ไปจนถึงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจก่อนเข้ารับการปรึกษาอย่างละเอียดกับทันตแพทย์ ประเภทของการจัดฟันที่ AT U DENTAL ให้บริการ ปัจจุบัน การจัดฟันมีหลากหลายประเภทให้เลือกสรร โดยแต่ละแบบก็มีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกันไป ทั้งในด้านความสวยงาม ความสะดวก และค่าใช้จ่าย ที่ AT U DENTAL เรามีบริการการจัดฟันที่ครอบคลุม เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของผู้เข้ารับบริการ จัดฟันแบบโลหะ (Metal Braces) จัดฟันแบบโลหะเป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนานและมีประสิทธิภาพสูงในการแก้ไขปัญหาฟันที่ซับซ้อน ตัวเครื่องมือทำจากวัสดุโลหะที่แข็งแรงและติดอยู่บนผิวฟันด้านหน้า ข้อดีคือมีราคาเข้าถึงง่ายและให้ผลลัพธ์ที่คาดการณ์ได้ แต่ข้อจำกัดคือมองเห็นได้ชัดเจนและอาจสร้างความรำคาญในช่วงแรก จัดฟันใส (Clear Aligner) สำหรับผู้ที่ต้องการความสวยงามและไม่ต้องการให้ใครเห็นว่ากำลังจัดฟันอยู่ การจัดฟันใสเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่ง โดยจะใช้ชุดเครื่องมือจัดฟันที่ทำจากพลาสติกใส ซึ่งสามารถถอดออกได้ขณะรับประทานอาหารและแปรงฟัน อย่างไรก็ตาม การจัดฟันประเภทนี้จำเป็นต้องอาศัยวินัยในการสวมใส่เครื่องมือให้ได้ตามเวลาที่กำหนดอย่างเคร่งครัดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ขั้นตอนการจัดฟันตั้งแต่ต้นจนจบที่ AT U DENTAL การจัดฟันเป็นการเดินทางที่ต้องใช้เวลา แต่หากคุณเข้าใจขั้นตอนอย่างละเอียด คุณก็จะสามารถเตรียมตัวและดูแลตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่ AT U DENTAL เราให้ความสำคัญกับทุกขั้นตอนเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด: ขั้นตอนที่ 1: การปรึกษาและวางแผนการรักษา เริ่มต้นด้วยการนัดหมายเข้ามาปรึกษากับทันตแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านการจัดฟันโดยเฉพาะ ทันตแพทย์จะทำการตรวจวินิจฉัยสุขภาพช่องปากและโครงสร้างใบหน้าเบื้องต้น พร้อมพูดคุยถึงความต้องการและเป้าหมายในการจัดฟันของคุณ อาจมีการเก็บข้อมูลเพิ่มเติม เช่น การถ่ายภาพในช่องปาก, การถ่ายภาพใบหน้า, การเอกซเรย์เพื่อวิเคราะห์โครงสร้างกระดูกและตำแหน่งของฟันอย่างละเอียด จากข้อมูลทั้งหมด ทันตแพทย์จะทำการวางแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ ขั้นตอนที่ 2: การเตรียมช่องปาก ก่อนจะเริ่มติดเครื่องมือจัดฟัน จำเป็นต้องทำให้ช่องปากสะอาดและมีสุขภาพดีอย่างสมบูรณ์ ทันตแพทย์จะทำการเคลียร์ช่องปาก เช่น ขูดหินปูน, อุดฟันผุ, หรือถอนฟันคุดและฟันบางซี่ตามแผนการรักษา ขั้นตอนนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในระหว่างการจัดฟัน ขั้นตอนที่ 3: การติดเครื่องมือและการติดตามผล เมื่อช่องปากพร้อมแล้ว ทันตแพทย์จะทำการติดเครื่องมือจัดฟันตามที่ได้วางแผนไว้ หลังจากนั้น คุณจะต้องเข้าพบทันตแพทย์ตามนัดหมายเป็นระยะเพื่อทำการปรับเครื่องมือและติดตามผลอย่างต่อเนื่อง ในขั้นตอนนี้ ทันตแพทย์จะแนะนำวิธีการดูแลรักษาความสะอาดช่องปากในขณะจัดฟันอย่างถูกวิธี ขั้นตอนที่ 4: การถอดเครื่องมือและการใส่รีเทนเนอร์ เมื่อฟันเคลื่อนตัวได้ตามตำแหน่งที่ต้องการและทันตแพทย์ประเมินแล้วว่าการรักษาสมบูรณ์ จะทำการถอดเครื่องมือจัดฟันออก หลังจากถอดเครื่องมือแล้ว ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดคือ การใส่รีเทนเนอร์ เพื่อคงสภาพฟันให้อยู่ในตำแหน่งที่จัดเรียงไว้ การใส่รีเทนเนอร์อย่างสม่ำเสมอตามคำแนะนำของทันตแพทย์จะช่วยให้รอยยิ้มของคุณสวยงามไปอย่างยาวนาน ค่าใช้จ่ายในการจัดฟันที่ AT U DENTAL หนึ่งในคำถามที่พบบ่อยที่สุดเกี่ยวกับการจัดฟันคือเรื่องของค่าใช้จ่าย ที่ AT U DENTAL เรามุ่งมั่นที่จะให้ข้อมูลที่โปร่งใสและตรงไปตรงมาเพื่อให้คุณสามารถวางแผนทางการเงินได้อย่างเหมาะสม ค่าใช้จ่ายในการจัดฟันจะแตกต่างกันไปตามประเภทของเครื่องมือ, ความซับซ้อนของปัญหาฟันในแต่ละบุคคล, และระยะเวลาในการรักษา ซึ่งทันตแพทย์จะสามารถประเมินและให้ข้อมูลที่ชัดเจนที่สุดได้หลังจากการตรวจวินิจฉัย โดยค่าใช้จ่ายในการจัดฟันจะประกอบไปด้วย: ค่าเครื่องมือจัดฟัน: ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามประเภทที่คุณเลือก ไม่ว่าจะเป็นการจัดฟันแบบโลหะ หรือการจัดฟันใส ค่าเตรียมช่องปาก: ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ค่าขูดหินปูน, ค่าอุดฟัน, ค่าถอนฟัน, หรือค่าเอกซเรย์ หากจำเป็นต้องทำตามแผนการรักษา ค่ารีเทนเนอร์: หลังการจัดฟันเสร็จสิ้น จำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายสำหรับรีเทนเนอร์เพื่อคงสภาพฟันในระยะยาว เพื่อช่วยให้การจัดฟันไม่ใช่เรื่องยากเกินไป ที่ AT U DENTAL เราเข้าใจดีว่าค่าใช้จ่ายอาจเป็นภาระก้อนใหญ่ เราจึงมีช่องทางการชำระเงินที่ยืดหยุ่น โดยคุณสามารถเลือกผ่อนชำระค่าเครื่องมือเป็นงวดๆ ได้ เพื่อให้คุณสามารถเริ่มต้นการมีรอยยิ้มที่สวยงามได้ง่ายขึ้น ข้อแนะนำ: วิธีที่ดีที่สุดในการทราบค่าใช้จ่ายที่แน่นอนคือการเข้าปรึกษาทันตแพทย์ผู้มีประสบการณ์ที่ AT U DENTAL โดยไม่มีค่าใช้จ่ายในการปรึกษาเบื้องต้น เพื่อให้คุณได้รับข้อมูลการวางแผนการรักษาและค่าใช้จ่ายที่ตรงกับปัญหาของแต่ละบุคคลอย่างละเอียดที่สุด ทำไมต้องจัดฟันกับ AT U DENTAL? การตัดสินใจจัดฟันคือการลงทุนในรอยยิ้มและสุขภาพที่ดีในระยะยาว การเลือกคลินิกและทีมทันตแพทย์จึงเป็นสิ่งสำคัญ ที่ AT U DENTAL เราพร้อมเป็นพาร์ทเนอร์ดูแลรอยยิ้มของคุณด้วยความตั้งใจและมาตรฐานการบริการที่ได้คุณภาพ ทีมทันตแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านการจัดฟัน: เรามีทีมทันตแพทย์ที่ผ่านการอบรมและมีประสบการณ์ด้านการจัดฟันโดยเฉพาะ พร้อมให้การดูแลรักษาอย่างใกล้ชิดในทุกขั้นตอน เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าการรักษาจะดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย เทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อการวินิจฉัยที่แม่นยำ: เราใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการตรวจวินิจฉัยและวางแผนการรักษา ไม่ว่าจะเป็นการสแกนฟันแบบ 3D หรือการเอกซเรย์ที่แม่นยำ เพื่อให้การวางแผนการจัดฟันมีประสิทธิภาพสูงสุด การบริการที่เป็นเลิศในบรรยากาศที่อบอุ่น: บรรยากาศภายในคลินิกของเราได้รับการออกแบบมาให้สะอาด ปลอดภัย และเป็นมิตร เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการรู้สึกผ่อนคลายและสบายใจตลอดการรักษา ดูแลครบวงจรตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ: เราพร้อมให้การดูแลและคำปรึกษาตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนถึงการคงสภาพฟันหลังจัดฟัน เพื่อให้มั่นใจว่ารอยยิ้มใหม่ของคุณจะอยู่กับคุณไปอย่างยาวนาน “การจัดฟันไม่ใช่เพียงแค่การเปลี่ยนรอยยิ้ม แต่คือการลงทุนที่คุ้มค่าเพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ด้วยความเข้าใจและประสบการณ์ของทีมทันตแพทย์ที่ AT U DENTAL เราพร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างรอยยิ้มที่มั่นใจให้กับคุณ” หากคุณกำลังสนใจการจัดฟันและต้องการปรึกษาเพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับคุณที่สุด เราขอเชิญชวนให้คุณนัดหมายเข้ามาปรึกษาทันตแพทย์ผู้มีประสบการณ์ที่ AT U DENTAL โดยไม่มีค่าใช้จ่ายในการปรึกษาเบื้องต้น อย่าปล่อยให้ความไม่มั่นใจในรอยยิ้มมาเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิต มาเริ่มสร้างรอยยิ้มในแบบที่คุณต้องการไปพร้อมกับเราวันนี้! ช่องทางการติดต่อ เบอร์โทรศัพท์:
โพสต์เมื่อ 7 สิงหาคม 2568

เปรียบเทียบ Invisalign vs Crystal Smile จัดฟันใสแบบไหนเหมาะกับคุณ?

แนะนำเบื้องต้น ในยุคปัจจุบัน การจัดฟันใส (Clear Aligner) ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยเหตุผลด้านความสวยงาม ความสะดวก และความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ 2 แบรนด์ที่ได้รับความนิยมสูง ได้แก่ Invisalign และ Crystal Smile ซึ่งทั้งสองระบบมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน และเหมาะกับกลุ่มคนไข้ที่ต่างกันไป บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจความแตกต่างระหว่าง Invisalign และ Crystal Smile พร้อมทั้งแนะนำว่าแบบใดเหมาะกับคุณที่สุด Invisalign คืออะไร? Invisalign เป็นแบรนด์จัดฟันใสจากสหรัฐอเมริกา มีชื่อเสียงระดับโลก พัฒนาโดย Align Technology และได้รับความนิยมในหลายประเทศ ด้วยจุดแข็งที่เป็นระบบดิจิทัลเต็มรูปแบบ (SmartTrack, SmartForce, ClinCheck 3D Simulation) จุดเด่นของ Invisalign ราคาประมาณ: เหมาะกับใคร? Crystal Smile คืออะไร? Crystal Smile เป็นระบบจัดฟันใสที่พัฒนาโดยผู้เชี่ยวชาญในประเทศไทย ใช้เทคโนโลยี 3D Printing และ AI เช่นเดียวกับ Invisalign แต่ถูกออกแบบให้มีต้นทุนเหมาะสมมากขึ้น จุดเด่นของ Crystal Smile ราคาประมาณ: เหมาะกับใคร? 7 ข้อดีของการจัดฟันใส ตารางเปรียบเทียบ Invisalign vs Crystal Smile หัวข้อ Invisalign Crystal Smile ราคาเริ่มต้น 69,000 บาท 39,000 บาท เทคโนโลยี SmartTrack + AI + ClinCheck AI Simulation + 3D Printing เหมาะกับเคส ซับซ้อน, ฟันเกมาก, ฟันสบลึก เคสทั่วไป, ฟันซ้อนเล็กน้อย การติดตาม มีระบบวางแผน 3D ล่วงหน้า ติดตามโดยทันตแพทย์ ความสบายในการใส่ สูงมาก ปานกลางถึงสูง ความแม่นยำในการเคลื่อนฟัน สูง ปานกลางถึงสูง คำถามที่พบบ่อย (FAQs) Q: Invisalign กับ Crystal Smile ต่างกันแค่แบรนด์หรือเปล่า? A: ไม่ใช่แค่แบรนด์ แต่รวมถึงวัสดุที่ใช้ เทคโนโลยีที่รองรับ และความสามารถในการจัดการกับเคสที่ซับซ้อน Q: ทำไม Invisalign ราคาสูงกว่า? A: เพราะใช้วัสดุเฉพาะทาง (SmartTrack), มีระบบ AI ประมวลผล และทีมทันตแพทย์เฉพาะทางจากต่างประเทศควบคุมร่วมด้วย Q: Crystal Smile ได้ผลลัพธ์ดีไหม? A: สำหรับเคสทั่วไป ได้ผลลัพธ์ดี คุ้มค่ากับราคา โดยมีทันตแพทย์ควบคุมแผนการรักษา สรุป Invisalign และ Crystal Smile ต่างมีจุดแข็งที่แตกต่างกัน การเลือกขึ้นอยู่กับปัญหาฟัน งบประมาณ และเป้าหมายการรักษา หากคุณกำลังลังเลว่าแบบใดเหมาะกับตัวเองที่สุด เราแนะนำให้เข้ารับคำปรึกษาที่ AT U DENTAL CLINIC เพื่อวางแผนจัดฟันใสจากทีมทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายในการประเมินเบื้องต้น ติดต่อเรา: LINE OA: @atudentalโทร: 02-096-4435เว็บไซต์: www.atudental.co.th
โพสต์เมื่อ 14 พฤษภาคม 2568

จัดฟันใส Invisalign คืออะไร? ดีกว่าจัดฟันแบบเหล็กจริงไหม?

การจัดฟันใส หรือที่หลายคนคุ้นชื่อว่า Invisalign – เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีการจัดฟันยุคใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากทั่วโลก ด้วยข้อดีเรื่องความสวยงาม ความสะดวก และผลลัพธ์ที่สามารถวางแผนได้ล่วงหน้า จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการจัดฟันโดยไม่ให้ใครสังเกตเห็นว่า “กำลังจัดฟันอยู่” ในบทความนี้ AT U DENTAL CLINIC จะพาคุณมาทำความรู้จักกับการจัดฟันใสอย่างละเอียด ตั้งแต่หลักการทำงาน ข้อดี จุดแตกต่างจากการจัดฟันแบบเหล็ก ราคาประมาณการ ไปจนถึงคำถามยอดฮิตที่หลายคนอยากรู้ก่อนตัดสินใจ 📅 จัดฟันใส Invisalign คืออะไร? การจัดฟันใส (Clear Aligner) เป็นวิธีการเคลื่อนฟันด้วยชุดเครื่องมือใสที่เรียกว่า “aligners” ซึ่งทำจากวัสดุพลาสติกชนิดพิเศษ ไร้โลหะ ไม่มีเหล็ก ไม่ต้องติดยึดอุปกรณ์กับฟันเหมือนการจัดฟันแบบทั่วไป Invisalign ถือเป็นแบรนด์ผู้นำด้านการจัดฟันใสระดับโลก โดยแต่ละชุด aligners จะถูกออกแบบเฉพาะบุคคล ผ่านเทคโนโลยี 3D ที่เรียกว่า ClinCheck™ ช่วยให้ทันตแพทย์สามารถจำลองผลการรักษาได้อย่างแม่นยำ 🧰 ทำไมจัดฟันใสถึงมีราคาสูงกว่าปกติ? หลายคนอาจสงสัยว่าทำไม Invisalign ถึงราคาสูงกว่าการจัดฟันแบบทั่วไป คำตอบคือ: 😊 จัดฟันใสดีกว่าจัดฟันโลหะอย่างไร? ประเด็น จัดฟันใส (Invisalign) จัดฟันโลหะ ความสวยงาม ใส แทบมองไม่เห็น เห็นชัดเจน มีเหล็ก ความสะดวก ถอดได้ตอนกิน / แปรงฟัน ติดแน่น ต้องระวังอาหาร การดูแล ทำความสะอาดง่าย เสี่ยงฟันผุสูงกว่า เจ็บปวด น้อยกว่า อาจมีลวดบาดปาก ระยะเวลานัด เว้นได้ 6-8 สัปดาห์ ต้องมาทุก 3-4 สัปดาห์ ราคาประมาณ เริ่มต้น 69,000 – 200,000 40,000 – 80,000 บาท 💸 ราคาจัดฟันใส เริ่มต้นเท่าไหร่? ที่ AT U DENTAL CLINIC เรามี Invisalign ให้เลือกหลากหลายแพ็กเกจ เช่น: หมายเหตุ: ราคาอาจแตกต่างตามจำนวน aligners ที่ใช้ และความยากของแต่ละเคส (ขึ้นอยู่กับลักษณะของแต่ละบุคคล) 🤔 คำถามที่พบบ่อย (FAQ) Q: จัดฟันใสเหมาะกับทุกคนไหม? A: เหมาะกับผู้ที่มีฟันซ้อนเกิน ฟันห่าง ฟันล้มเล็กน้อยถึงปานกลาง แต่บางกรณีที่ซับซ้อนมากอาจต้องปรึกษาเพิ่มเติม Q: ต้องใส่ aligner วันละกี่ชั่วโมง? A: อย่างน้อย 20-22 ชั่วโมง/วัน ถอดได้เฉพาะตอนกินอาหารและแปรงฟัน Q: ใช้เวลานานไหม? A: เฉลี่ย 6 เดือน – 1.5 ปี ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของแต่ละเคส Q: Invisalign ต่างจากจัดฟันใสทั่วไปยังไง? A: Invisalign มีระบบวางแผนที่แม่นยำกว่า การผลิตเครื่องมือที่ได้มาตรฐานและผ่านการรับรองทั่วโลก Q: ผ่อนชำระได้ไหม? A: ได้ค่ะ แพ็กเกจจัดฟันใสสามารถแบ่งชำระได้หลายงวด พร้อมโปรโมชั่นพิเศษในช่วง Invisalign Day 🎉 Invisalign Day 7 มิ.ย. 2568 – โอกาสดีที่ไม่ควรพลาด! สำหรับใครที่สนใจจัดฟันใส ที่ AT U DENTAL CLINIC เราจัดกิจกรรม Invisalign Day เพื่อให้คุณได้รับสิทธิพิเศษแบบจัดเต็ม: รีบจองสิทธิ์ก่อนเต็ม! แอดไลน์ @atudental เพื่อสอบถามรายละเอียดได้เลยค่ะ AT U DENTAL CLINIC ให้การดูแลฟันของคุณเป็นเรื่องที่เบาใจ และมั่นใจไปกับทีมแพทย์เฉพาะทางมืออาชีพ
โพสต์เมื่อ 9 พฤษภาคม 2568

โรคฟันผุ: ปัญหาสุขภาพฟันที่ไม่ควรมองข้าม

โรคฟันผุคืออะไร? โรคฟันผุ (Dental Caries) คืออาการที่เนื้อฟันถูกทำลายเนื่องจากแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในช่องปากสร้างกรดขึ้นมาทำลายโครงสร้างของฟัน กระบวนการนี้เริ่มต้นจากคราบพลัคที่เกาะอยู่บนผิวฟัน ซึ่งเมื่อสัมผัสกับน้ำตาลจากอาหารและเครื่องดื่ม แบคทีเรียจะเปลี่ยนน้ำตาลให้กลายเป็นกรด กรดเหล่านี้สามารถกัดกร่อนผิวเคลือบฟัน ทำให้เกิดรูผุในฟัน หากปล่อยไว้อาจลุกลามไปยังเนื้อฟันชั้นลึกขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงโพรงประสาทฟัน ส่งผลให้เกิดอาการปวดฟันรุนแรงและอาจต้องสูญเสียฟันในที่สุด กระบวนการเกิดฟันผุ กระบวนการเกิดฟันผุสามารถแบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอนหลัก ได้แก่ 1. การสะสมของคราบพลัค (Plaque Formation) คราบพลัคเป็นชั้นแบคทีเรียที่เกาะอยู่บนผิวฟันและเหงือก หากไม่ได้รับการทำความสะอาดที่เหมาะสม คราบพลัคจะสะสมมากขึ้นและเริ่มทำปฏิกิริยากับอาหารที่มีน้ำตาล 2. การสร้างกรดจากแบคทีเรีย (Acid Production) แบคทีเรียในคราบพลัคเปลี่ยนน้ำตาลจากอาหารและเครื่องดื่มให้กลายเป็นกรด กรดเหล่านี้จะทำลายแร่ธาตุในชั้นเคลือบฟัน ทำให้เคลือบฟันอ่อนแอลง 3. การทำลายชั้นเคลือบฟัน (Enamel Demineralization) เมื่อกรดทำลายแร่ธาตุของเคลือบฟันเป็นเวลานาน เคลือบฟันจะเริ่มถูกกัดกร่อน และเริ่มเกิดรอยผุที่สามารถพัฒนาเป็นรูขนาดใหญ่ขึ้น 4. การลุกลามเข้าสู่เนื้อฟันและโพรงประสาทฟัน (Cavity Formation & Pulp Infection) หากฟันผุไม่ได้รับการรักษา มันจะลึกลงไปถึงเนื้อฟันชั้นใน (Dentin) และอาจไปถึงโพรงประสาทฟัน ทำให้เกิดการติดเชื้อ ส่งผลให้เกิดอาการปวดฟันรุนแรง และอาจต้องถอนฟันหากเนื้อฟันถูกทำลายอย่างมาก สาเหตุของฟันผุ โรคฟันผุเกิดจากหลายปัจจัยที่ทำให้แบคทีเรียสามารถเจริญเติบโตได้ง่ายขึ้น ได้แก่ อาการของฟันผุ อาการของฟันผุสามารถแบ่งเป็น 4 ระยะหลัก ได้แก่ ผลกระทบของฟันผุต่อสุขภาพร่างกาย ฟันผุไม่ได้ส่งผลกระทบแค่ในช่องปากเท่านั้น แต่ยังสามารถลุกลามไปกระทบกับระบบต่างๆ ของร่างกายได้ การปล่อยให้ฟันผุโดยไม่ได้รับการรักษา อาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพที่รุนแรงตามมาได้ 🦷 1. โรคเหงือกและการสูญเสียฟัน หากฟันผุไม่ได้รับการรักษา แบคทีเรีย ที่อยู่ในฟันผุสามารถแพร่กระจายไปยังเหงือกและทำให้เกิด โรคปริทันต์ (Periodontitis) หรือโรคเหงือกอักเสบ ซึ่งอาจนำไปสู่ การสูญเสียฟัน ได้ในที่สุด 💔 2. โรคหัวใจและระบบไหลเวียนโลหิต หลายงานวิจัยพบว่า โรคฟันผุและโรคเหงือกอักเสบ มีความสัมพันธ์กับ โรคหัวใจและโรคหลอดเลือด เนื่องจากแบคทีเรียจากช่องปากสามารถเข้าสู่กระแสเลือดและก่อให้เกิดภาวะอักเสบทั่วร่างกาย 🍽 3. ผลกระทบต่อระบบย่อยอาหาร การมีฟันผุอาจทำให้การบดเคี้ยวอาหารไม่สมบูรณ์ ส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินอาหารโดยตรง 🤕 4. การติดเชื้อที่รุนแรงและแพร่กระจายไปทั่วร่างกาย หากฟันผุถูกปล่อยไว้จนติดเชื้อรุนแรง อาจเกิดการแพร่กระจายของเชื้อไปยังส่วนอื่นของร่างกายผ่านทางกระแสเลือด 🧠 5. ผลกระทบต่อสมองและระบบประสาท แบคทีเรียจากฟันผุที่เข้าสู่กระแสเลือดสามารถเดินทางไปยังสมองและส่งผลต่อระบบประสาทได้ 😨 6. ผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและสุขภาพจิต ฟันผุอาจส่งผลต่อความมั่นใจและสุขภาพจิตในหลายๆ ด้าน ทำไมการดูแลฟันจึงสำคัญ? จากข้อมูลข้างต้น จะเห็นได้ว่าการปล่อยให้ฟันผุไม่ได้ส่งผลเพียงแค่ในช่องปาก แต่ยังสามารถกระทบต่อสุขภาพร่างกายโดยรวมได้ ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ โรคทางเดินอาหาร โรคปอด ไปจนถึงการติดเชื้อรุนแรงที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต การป้องกันฟันผุจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง โดยสามารถทำได้ง่ายๆ ดังนี้: ทำไมต้องเลือก AT U Dental ในการดูแลและรักษาฟันผุ? AT U Dental ไม่ได้เป็นเพียงแค่คลินิกทันตกรรม แต่เป็นศูนย์ดูแลสุขภาพช่องปากแบบครบวงจร ที่ช่วยให้คุณ ป้องกันและรักษาฟันผุได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยทีมทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ✨ อย่าปล่อยให้ฟันผุทำลายสุขภาพช่องปากของคุณ มาดูแลฟันกับ AT U Dental วันนี้! ✨ The Endless Confidence เพราะรอยยิ้มที่มั่นใจ คือพลังที่ไม่มีวันสิ้นสุด
โพสต์เมื่อ 11 มีนาคม 2568