10 เหตุผลที่การดูแลสุขภาพช่องปากคือสวัสดิการพนักงานที่คุ้มค่าที่สุดขององค์กร

“AT U DENTAL เผย 10 เหตุผลที่การดูแลสุขภาพช่องปากพนักงานด้วยบริการทำฟันถึงที่คือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดขององค์กรยุคใหม่ ช่วยลดค่าใช้จ่าย เพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างความผูกพันที่ยั่งยืน ศึกษาแนวทางปฏิบัติจากงานวิจัยและสถิติเพื่อยกระดับสวัสดิการพนักงานของคุณ”

ในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การแข่งขันเพื่อดึงดูดและรักษาบุคลากรที่มีความสามารถได้ก้าวเข้าสู่ยุคที่ซับซ้อนกว่าเดิม จากที่เคยเป็นการต่อสู้ด้วยค่าตอบแทนที่สูงเพียงอย่างเดียว ปัจจุบันนี้แนวคิดได้เปลี่ยนไปสู่การให้ความสำคัญกับปัจจัยที่ไม่ใช่ตัวเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสวัสดิการพนักงานที่สะท้อนถึงความห่วงใยและคุณภาพชีวิตของคนทำงาน การมอบสวัสดิการพนักงานที่ดีจึงไม่ได้เป็นแค่ค่าใช้จ่าย แต่คือการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีค่าที่สุดขององค์กร นั่นก็คือ “พนักงาน”

AT U DENTAL ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมทันตกรรมเคลื่อนที่ เข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงนี้อย่างลึกซึ้ง และได้พัฒนา AT U DENTAL BUS หรือรถทันตกรรมเคลื่อนที่ เพื่อเป็นโซลูชันที่ทรงประสิทธิภาพในการช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถยกระดับสวัสดิการพนักงานด้านทันตกรรมได้อย่างไร้รอยต่อ บทความนี้จะนำเสนอ 10 เหตุผลหลักที่ชี้ให้เห็นว่าการลงทุนในการดูแลสุขภาพช่องปากของพนักงานถึงที่ทำงาน ไม่ใช่แค่เรื่องของความห่วงใย แต่เป็นการลงทุนเชิงกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดและส่งผลเชิงบวกต่อภาพรวมขององค์กรในระยะยาว

1. ยกระดับ สวัสดิการพนักงาน ให้เหนือกว่าคู่แข่ง: สร้างความแตกต่างที่ดึงดูดใจ

ในปัจจุบัน องค์กรส่วนใหญ่ยังคงมีสวัสดิการพนักงานด้านทันตกรรมในรูปแบบเดิม คือการมอบสิทธิ์ประกันสังคมซึ่งมีข้อจำกัดด้านค่าใช้จ่ายและขั้นตอนการเบิกจ่าย แต่ด้วยรถทันตกรรมเคลื่อนที่ที่เข้าถึงบริษัทได้โดยตรง องค์กรจะสามารถนำเสนอสวัสดิการพนักงานที่แตกต่างและโดดเด่นอย่างเห็นได้ชัดในสายตาของผู้สมัครงานและพนักงานปัจจุบัน การให้บริการถึงที่ทำงานช่วยลดภาระด้านเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางของพนักงาน ทำให้เกิดภาพลักษณ์ขององค์กรที่เป็นผู้นำและพร้อมลงทุนเพื่อบุคลากรอย่างแท้จริง จากงานวิจัยของ Mahidol University และ Srinakharinwirot University พบว่าสวัสดิการพนักงานเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญต่อความผูกพันองค์กร ยิ่งสวัสดิการพนักงานมีความพิเศษและตอบโจทย์ชีวิตพนักงานมากเท่าไร ความผูกพันที่เกิดขึ้นก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น การมีสวัสดิการพนักงานที่โดดเด่นยังช่วยลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการสรรหาบุคลากร ทำให้องค์กรสามารถดึงดูดบุคลากรที่มีคุณภาพสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. ลดการลาป่วยและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน: สุขภาพกายดีส่งผลต่อประสิทธิภาพงาน

ปัญหาสุขภาพช่องปาก ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดฟัน เหงือกอักเสบ หรืออาการเสียวฟัน ไม่เพียงแต่สร้างความไม่สบายกายเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อสมาธิและประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานด้วย จากข้อมูลของกรมอนามัย พบว่าปัญหาฟันผุและโรคเหงือกเป็นปัญหาที่พบบ่อยในวัยทำงาน การที่พนักงานต้องลาหยุดงานเพื่อไปพบทันตแพทย์หรือต้องทำงานในขณะที่มีอาการปวดฟัน จะทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลงอย่างมาก (Presenteeism) การนำ AT U DENTAL BUS เข้าไปให้บริการถึงที่ทำงานช่วยให้พนักงานสามารถเข้ารับการรักษาเบื้องต้นได้ทันท่วงที ลดโอกาสในการลาป่วยหรือทำงานแบบไม่มีประสิทธิภาพ ซึ่งส่งผลดีต่อผลผลิตโดยรวมขององค์กรในที่สุด และนับเป็นส่วนหนึ่งของสวัสดิการพนักงานที่สร้างผลตอบแทนสูงสุด จากรายงานวิจัยหลายฉบับระบุว่า สุขภาพกายและสุขภาพใจของพนักงานส่งผลโดยตรงต่อ Productivity ขององค์กร และการลงทุนในสวัสดิการพนักงานด้านสุขภาพจึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว

3. ประหยัดค่าใช้จ่ายที่มองไม่เห็น: ลดภาระให้องค์กรอย่างเป็นรูปธรรม

แม้ว่าบริษัทจะไม่ได้จ่ายค่าใช้จ่ายโดยตรงสำหรับบริการทำฟัน แต่การที่พนักงานต้องลาหยุดเพื่อไปพบทันตแพทย์ย่อมก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายแฝงมหาศาล ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่หลายองค์กรอาจมองข้ามไป เช่น ค่าจ้างที่ยังต้องจ่ายในขณะที่พนักงานไม่ได้ทำงาน หรือการหยุดชะงักของกระบวนการทำงานที่ต้องใช้พนักงานคนนั้น และอาจรวมไปถึงค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงานชั่วคราวมาทำงานแทน การให้บริการทำฟันถึงที่ช่วยขจัดค่าใช้จ่ายเหล่านี้ได้อย่างสิ้นเชิง นอกจากนี้ AT U DENTAL BUS ยังสามารถบริหารจัดการสิทธิ์ประกันสังคมสำหรับพนักงานได้อย่างราบรื่น ทำให้พนักงานไม่ต้องสำรองจ่ายก่อน และองค์กรไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ในการจัดกิจกรรมนี้เลย เสมือนเป็นการยกระดับสวัสดิการพนักงานให้กับพนักงานโดยไม่กระทบงบประมาณของบริษัท ซึ่งนับเป็นการจัดการสวัสดิการพนักงานที่ชาญฉลาดและช่วยลดต้นทุนแฝงให้กับองค์กรได้อย่างมหาศาล

4. สร้างภาพลักษณ์นายจ้างที่ใส่ใจ: ดึงดูดและรักษาบุคลากรระดับท็อป

ในยุคที่โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือหลักในการสื่อสาร ภาพลักษณ์องค์กร (Employer Branding) ที่แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจต่อบุคลากรคือสิ่งที่มีมูลค่ามหาศาล การนำรถทันตกรรมเคลื่อนที่เข้าไปให้บริการถึงที่ทำงาน ไม่ใช่แค่การมอบสวัสดิการพนักงานแต่เป็นการแสดงออกถึงความห่วงใยอย่างเป็นรูปธรรมที่พนักงานสามารถบอกต่อและสร้างเรื่องราวดีๆ ให้กับองค์กรได้ การที่บริษัทลงทุนในสุขภาพช่องปากพนักงานอย่างจริงจัง ทำให้พนักงานรู้สึกภูมิใจและอยากเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรนั้น ซึ่งช่วยเสริมสร้างชื่อเสียงในฐานะ “นายจ้างที่ใส่ใจ” ได้อย่างรวดเร็วและยั่งยืน เพราะสวัสดิการพนักงานที่ดีคือภาพสะท้อนของวัฒนธรรมองค์กร นอกจากนี้ยังช่วยให้บริษัทกลายเป็นที่รู้จักในวงกว้างในฐานะองค์กรที่ให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน ทำให้สามารถดึงดูดผู้สมัครงานที่มีคุณภาพสูงได้อย่างง่ายดาย

5. ความผูกพันที่ยั่งยืน: “องค์กรรักเรา เราเลยรักองค์กร”

การสร้างความผูกพันองค์กรไม่ใช่แค่การขึ้นเงินเดือนหรือการจัดงานเลี้ยง แต่คือการสร้างความรู้สึกของการเป็น “บ้าน” ที่ดูแลกันและกัน AT U DENTAL BUS เป็นเครื่องมือที่สมบูรณ์แบบในการสื่อสารอุดมการณ์นี้ เมื่อพนักงานเห็นว่าองค์กรลงทุนในสวัสดิการพนักงานที่ส่งผลดีต่อสุขภาพของพวกเขาโดยตรงโดยไม่หวังผลตอบแทนอย่างเป็นตัวเงิน ความรู้สึกขอบคุณและความภักดีต่อองค์กรจะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดที่ว่า “เมื่อองค์กรรักเรา เราจึงรักองค์กร” ทำให้พนักงานไม่คิดอยากลาออกง่ายๆ และพร้อมที่จะทุ่มเทเพื่อความสำเร็จร่วมกันในระยะยาว เพราะสวัสดิการพนักงานที่ดีสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและทำให้พนักงานรู้สึกว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญขององค์กรอย่างแท้จริง

6. เพิ่มอัตราการรักษาบุคลากร: การลงทุนเพื่อลด Employee Turnover

การลาออกของพนักงานหนึ่งคนย่อมก่อให้เกิดต้นทุนมหาศาลสำหรับองค์กร ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายในการสรรหาและฝึกอบรมพนักงานใหม่ รวมถึงความรู้และประสบการณ์ที่ขาดหายไป การมอบสวัสดิการพนักงานด้านสุขภาพที่โดดเด่นและเข้าถึงง่าย เช่น บริการทำฟันถึงที่ ช่วยเพิ่มความพึงพอใจและกำลังใจให้กับพนักงาน ส่งผลให้อัตราการลาออกลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งการรักษาพนักงานที่มีคุณภาพให้อยู่กับองค์กรได้นานๆ คือการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าการสรรหาพนักงานใหม่ในระยะยาว และสวัสดิการพนักงานที่ตอบโจทย์คือหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญ จากสถิติพบว่าอัตราการลาออกที่ลดลงเพียง 1% สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการสรรหาและฝึกอบรมบุคลากรได้เป็นจำนวนเงินมหาศาลต่อปี การลงทุนเพียงเล็กน้อยในสวัสดิการพนักงานที่มีคุณภาพจึงเป็นการป้องกันการสูญเสียบุคลากรที่มีค่าอย่างยั่งยืน

7. เข้าถึงบริการง่าย ไม่ต้องเดินทาง: ประหยัดเวลาและพลังงานของพนักงาน

ปัญหาสุขภาพช่องปากหลายครั้งมักถูกมองข้ามเพราะความยุ่งยากในการไปพบทันตแพทย์ การจราจรที่ติดขัด การหาที่จอดรถ และการลางานล้วนเป็นอุปสรรคสำคัญ การนำรถทันตกรรมเคลื่อนที่เข้าไปให้บริการถึงที่ทำงานทำให้พนักงานไม่ต้องเผชิญกับปัญหาเหล่านี้ พนักงานสามารถเข้ารับบริการในช่วงพักกลางวันหรือเวลาที่สะดวกได้อย่างง่ายดาย ทำให้ปัญหาสุขภาพช่องปากได้รับการดูแลอย่างทันท่วงที ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยยกระดับสุขภาพองค์กรโดยรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นหนึ่งในข้อดีของสวัสดิการพนักงานที่เข้าถึงง่าย นอกจากนี้ยังช่วยส่งเสริมให้พนักงานมีวินัยในการดูแลสุขภาพช่องปากอย่างสม่ำเสมอ เพราะการเข้ารับบริการทำฟันเป็นเรื่องที่ง่ายและไม่ยุ่งยากอีกต่อไป

8. ลดความเสี่ยงด้านสุขภาพระยะยาว: การป้องกันดีกว่าการรักษา

ปัญหาสุขภาพช่องปากสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยรวมได้ หากไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสม จากข้อมูลงานวิจัยมากมายพบว่าปัญหาเล็กๆ อย่างฟันผุหรือเหงือกอักเสบอาจลุกลามจนกลายเป็นโรคที่รุนแรง เช่น โรคปริทันต์อักเสบ ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับโรคเบาหวานและโรคหัวใจ การที่องค์กรส่งเสริมให้พนักงานเข้ารับการตรวจสุขภาพและขูดหินปูนเป็นประจำ ถือเป็นการลงทุนเพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพในระยะยาว ช่วยลดความเสี่ยงที่พนักงานจะเจ็บป่วยด้วยโรคซับซ้อนและต้องใช้ค่ารักษาพยาบาลที่สูงขึ้นในอนาคต และเป็นอีกมิติของสวัสดิการพนักงานที่คุ้มค่า การดูแลเชิงป้องกันยังช่วยลดโอกาสที่พนักงานจะต้องลาหยุดงานในอนาคตเพื่อเข้ารับการรักษาที่ซับซ้อนและใช้เวลานาน

9. สร้างวัฒนธรรมองค์กรเชิงบวก: ความห่วงใยคือพลังขับเคลื่อน

วัฒนธรรมองค์กรที่ดีเริ่มต้นจากการที่พนักงานรู้สึกได้รับการสนับสนุนและเป็นส่วนหนึ่งของทีม การให้ความสำคัญกับสุขภาพของพนักงานอย่างจริงจังสะท้อนให้เห็นถึงค่านิยมขององค์กรที่ให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ที่ดีของบุคลากรเหนือสิ่งอื่นใด ซึ่งจะช่วยสร้างบรรยากาศการทำงานที่เป็นบวกและส่งเสริมให้พนักงานมีความสุขกับการทำงานมากขึ้น ความสุขที่เกิดขึ้นจะส่งผลต่อความร่วมมือและการทำงานเป็นทีมที่ดีขึ้น และนำไปสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืนขององค์กรในที่สุด เพราะ สวัสดิการพนักงานเป็นตัวกระตุ้นวัฒนธรรมองค์กรเชิงบวก การที่องค์กรแสดงให้เห็นว่าใส่ใจพนักงานในทุกมิติ ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ จะยิ่งทำให้พนักงานมีความผูกพันและภาคภูมิใจในองค์กรของตนเอง

10. การลงทุนที่ไม่มีความเสี่ยง: รูปแบบการทำงานที่คุ้มค่าสูงสุด

AT U DENTAL BUS ได้นำเสนอรูปแบบการให้บริการที่ช่วยให้องค์กรสามารถจัดสวัสดิการพนักงานระดับพรีเมียมได้อย่างคุ้มค่าที่สุด โดยการให้พนักงานใช้สิทธิ์ทันตกรรมประกันสังคมที่มีอยู่แล้ว ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม (ในวงเงินที่กำหนด) ทำให้บริษัทไม่ต้องแบกรับภาระด้านงบประมาณใดๆ เลย เพียงแค่จัดสรรพื้นที่สำหรับรถทันตกรรมเท่านั้น ซึ่งถือเป็นการลงทุนที่ไม่มีความเสี่ยง แต่ให้ผลตอบแทนกลับคืนมาในรูปแบบของความพึงพอใจ ความภักดี และประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงานอย่างเต็มที่ และตอกย้ำว่าสวัสดิการพนักงานที่ดีไม่จำเป็นต้องแพงเสมอไป

บทบาทเชิงกลยุทธ์ของ HR ในการขับเคลื่อนสวัสดิการพนักงานที่ตอบโจทย์

ฝ่าย HR ในยุคปัจจุบันมีบทบาทที่กว้างไกลกว่าการจัดการด้านเอกสารและเงินเดือน การเป็น HR ที่ประสบความสำเร็จคือการเป็นผู้สร้างและรักษาบุคลากรที่มีคุณภาพ การเลือก AT U DENTAL BUS จึงเป็นการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญ เพราะเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ HR สามารถ:

  • สร้างความแตกต่างในการสรรหา: นำเสนอ สวัสดิการพนักงานที่ไม่เหมือนใคร เพื่อดึงดูดผู้สมัครงานที่มีศักยภาพสูง
  • บริหารจัดการง่ายและลดภาระงาน: ไม่ต้องจัดการเรื่องค่าใช้จ่าย การเบิกจ่าย หรือการนัดหมายที่ยุ่งยาก เพราะ AT U DENTAL BUS จัดการให้ทั้งหมด
  • สร้างความพึงพอใจและกำลังใจ: มอบ สวัสดิการพนักงานที่เข้าถึงง่ายและเป็นประโยชน์ ทำให้พนักงานรู้สึกได้รับการดูแลและมีกำลังใจในการทำงาน
  • แสดงบทบาทผู้นำด้าน Health & Wellness: นำเสนอโซลูชันด้านสุขภาพที่เป็นนวัตกรรมและแสดงให้เห็นว่าองค์กรใส่ใจในสุขภาพของพนักงานอย่างแท้จริง

เรื่องราวความสำเร็จ: จากทฤษฎีสู่การปฏิบัติจริง

เพื่อยืนยันถึงประสิทธิภาพของ สวัสดิการพนักงาน ในรูปแบบนี้ เราขอนำเสนอเรื่องราวของ “บริษัท A” ซึ่งเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีที่มีอัตราการลาออกของพนักงานค่อนข้างสูง เนื่องจากพนักงานส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ที่มองหาสวัสดิการที่ตอบโจทย์ชีวิตจริง ฝ่าย HR ของบริษัท A จึงตัดสินใจนำ AT U DENTAL BUS เข้ามาให้บริการเป็นครั้งแรก หลังจากให้บริการไป 3 เดือน บริษัท A พบกับผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ:

  • ความพึงพอใจของพนักงานสูงขึ้น 25%: จากการสำรวจพบว่าพนักงานส่วนใหญ่รู้สึกประทับใจกับความสะดวกสบายและความใส่ใจของบริษัท
  • การลาป่วยลดลง 15%: พนักงานสามารถเข้ารับการรักษาอาการปวดฟันเบื้องต้นได้ทันทีโดยไม่ต้องลางาน
  • ภาพลักษณ์องค์กรดีขึ้น: พนักงานหลายคนโพสต์ถึงประสบการณ์ที่ดีนี้บนโซเชียลมีเดีย ทำให้บริษัท A กลายเป็นที่พูดถึงในฐานะ “นายจ้างที่ใส่ใจ”

ถึงเวลาแล้วที่องค์กรต้องก้าวข้ามสู่การดูแลพนักงานแบบองค์รวม

การดูแลสุขภาพพนักงานด้วยบริการทำฟันถึงที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเพิ่มสวัสดิการพนักงานแต่เป็นการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีค่าที่สุดขององค์กร นั่นก็คือ “พนักงาน” ซึ่งเป็นผู้ขับเคลื่อนทุกความสำเร็จ การเลือก AT U DENTAL BUS เป็นพันธมิตรในการยกระดับสวัสดิการพนักงานด้านทันตกรรม คือการแสดงออกถึงวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลขององค์กรที่มองเห็นความสำคัญของการดูแลบุคลากรอย่างครบวงจรและยั่งยืน

เราขอเชิญชวนองค์กรที่มุ่งมั่นจะสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีที่สุด ให้มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในภารกิจนี้ เพื่อมอบความมั่นใจที่มาพร้อมกับรอยยิ้มที่แข็งแรงให้กับพนักงานทุกคนในองค์กรของคุณ

สนใจบริการ AT U DENTAL BUS? ติดต่อเราเพื่อปรึกษาและวางแผนการให้บริการสำหรับองค์กรของคุณได้เลย

หมายเลขโทรศัพท์: 02-096-4435

LINE OA: @atudental

สวัสดิการพนักงาน